ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจหากนางแบบที่มีต้นทุนทางรูปลักษณ์และจำนวน follower หลักหมื่นหลักแสน จะลุกขึ้นมาปั้นแบรนด์ชุดว่ายน้ำขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่สั่งสมฐานลูกค้าไว้มากพอตัว แต่จะทำออกมาได้คุณภาพจนได้รับการยอมรับเทียบเท่าแบรนด์ชั้นนำนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย นางแบบสาวที่มีต้นทุนทุกอย่างพร้อมอย่าง เฟิร์น-อภิสรา โลหะศิริ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ชุดว่ายน้ำสุดแซ่บ Stantall ก็คิดเช่นนั้นเมื่อเธอได้ลงมือปั้นแบรนด์ชุดว่ายน้ำที่เกิดจากความคลั่งไคล้ในชุดสวยอวดสรีระในช่วงซัมเมอร์
ความผูกพันที่มีต่อชุดว่ายน้ำของนางแบบคนนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อครั้งเธอได้สวมบิกินี่โพสท่าถ่ายรูปครั้งแรก
“ตอนเด็กๆ เลยจะมีชุดว่ายน้ำอยู่ชุดหนึ่งเป็นชุดบิกินี่สีชมพูช็อคพิ้งค์ ลายเซเลอร์มูนน่ารักมาก ยืนบิดตัวถ่ายรูปให้แม่ถ่ายรูป”
เฟิร์นยิ้มเขินๆ ก่อนจะสไลด์หน้าจอหารูปถ่ายชุดว่ายน้ำวัยเยาว์ที่เคยลงในอินสตาแกรมช่วงวันเด็ก แต่ช่วงซัมเมอร์ที่ทำให้เธอรู้สึกผูกพันกับสายลม แสงแดด ริมชายทะเลเข้าอย่างจังคงเป็นเมื่อครั้งได้ไปใช้ชีวิตอยู่ในแคลิฟอร์เนีย
นางแบบผู้ฝึกโพสท่าในชุดว่ายน้ำมาตั้งแต่เด็กยังเผยความในใจว่า รูปร่างของเธอไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ โดยเฉพาะในยามต้องใส่ชุดว่ายน้ำอวดหุ่นสวย บางครั้งก็เกิดอาการไม่มั่นใจ ทำให้ต้องหาชุดว่ายน้ำที่ช่วยส่งเสริมจุดเด่น พรางจุดด้อยของตัวเองได้ ซึ่งหาซื้อตามท้องตลาดได้ยาก
“เราเป็นนางแบบที่ไม่ได้หุ่นสูงผอมมาก เรายังมีความตัวยาว แต่ขาสั้นกว่าตัวนิดหนึ่ง มันไม่สมส่วน เราลองใส่ชุดว่ายน้ำหลายแบบมากจนรู้ว่า ต้องใส่ไฮคัท เว้าสูง การใส่ไฮคัทช่วยหลอกตาทำให้เราดูขายาวขึ้น หุ่นดูสมส่วนมากขึ้น ซึ่งไฮคัทมันเป็นทรงที่ฝรั่งเขาใส่มานานแล้ว ตั้งแต่ยุค 80s – 90s โดยเฉพาะนางแบบยุค 90s จะใส่ไฮคัทกันเยอะมาก แต่คนไทยจะไม่กล้าใส่ไฮคัทเพราะรู้สึกว่ามันโป๊มาก
…แบรนด์ไทยเองก็ไม่ค่อยทำชุดว่ายน้ำแบบนี้ ถึงมีก็จะเป็น quality แบบที่เราไม่ชอบ แบรนด์ไทยชอบทำซับในสีเนื้อ แต่แบรนด์ต่างชาติ เขาไม่ใช้ซับในอย่างนั้น แต่เขาจะใช้ผ้าตัวเดียวกันกับชุดแทนผ้าซับใน ราคาขั้นต่ำตก 4,000 กว่าบาท ซึ่งแพงเหมือนกันนะ เลยคิดว่า เราลองทำเองดีกว่า
…ตอนเริ่มทำมีเพื่อนสนิทที่เขาเก่งเรื่องตัวเลขมาช่วยทำด้วย แต่ด้วยความที่เพื่อนเขาเป็นผู้ชาย เขาอาจจะไม่ค่อยเข้าใจชุดว่ายน้ำผู้หญิงสักเท่าไร สุดท้ายเขาต้องทำงานประจำก็เลยแยกไป ทุกวันนี้เฟิร์นเลยทำคนเดียวค่ะ
…แล้วต้องบอกว่า เฟิร์นออกแบบเองนะคะ คนจะชอบนึกว่าเราไปรับมา แต่อันที่จริงแล้วเราออกแบบเอง เลือกแมตทีเรียลเองทุกอย่างเลย อย่างผ้าซับในเราจะใช้ผ้าตัวเดียวกันทำให้หนาขึ้น แล้วก็สีไม่เพี้ยนเวลาเปียกน้ำ ตัวฟองน้ำเราก็สั่งทำเอง เพราะเท่าที่ไปดูแมตทีเรียลตามที่ต่างๆ หรือสั่งซื้อมาเราจะเจอแต่ฟองน้ำหนาๆ อันใหญ่ๆ เสริม push up เยอะๆ แต่เราไม่ชอบอย่างนั้น อยากได้ฟองน้ำแบบที่มีไว้แค่กันโป๊เฉยๆ เลยไปหาร้านสั่งทำมาจนได้แบบที่ต้องการ พวกอะไหล่ที่เป็นโลหะก็ทดลองมาแล้วว่า แช่น้ำแล้วไม่หักง่าย ไม่เป็นสนิม สีไม่ลอก
…ส่วนเรื่องดีไซน์เราเลือกสไตล์ 90s ไฮคัทและสีจัดๆ แบบที่เราชอบ เพราะรู้สึกว่าเวลาไปทะเล เราควรจะต้องใส่สีแบบนั้น โดยเราจะเลือกสีที่เหมาะกับทุกสีผิว ไม่ว่าจะเป็น ผิวขาวหรือผิวแทน สีหลักคือสีชมพู แล้วก็สีฟ้าเทอควอยซ์ที่กลายเป็นว่าขายดีมาก ตอนนี้ของหมดไปแล้ว”
ตั้งแต่เริ่มปั้นแบรนด์มาเธอเลือกใช้ช่องทางการขายผ่านทางแพลทฟอร์มออนไลน์ผ่านอินสตาแกรม @_stantall_ และไลน์ @stantall เท่านั้น แต่ถึงแม้จะไม่มีหน้าร้านให้ลูกค้าได้ลองก่อน แต่นั่นไม่เป็นปัญหาสำหรับการค้าขายในยุค 5.0 ถึงแม้ซัมเมอร์นี้จะเงียบเหงาไปบ้าง แต่เจ้าของแบรนด์ก็แพลนไว้ในใจแล้วว่า นอกจากคอลเล็กชั่นต่อไปๆ แล้ว เธอยังอยากขยับขยายโปรดักต์ภายใต้แบรนด์ Stantall ไปสู่บีชไลฟ์สไตล์โปรดักต์ที่ยังไม่มีคนทำออกมาในท้องตลาดเกลื่อนกลาดนัก ให้ Beach Babe ทั้งหลายได้สวยพร้อมลงน้ำทะเลในทุกสถานการณ์
และสิ่งที่เจ้าของแบรนด์ชุดว่ายน้ำดีไซน์เปรี้ยวเข็ดฟันอยากฝากถึงสาวๆ ที่ยังเขินอายในการใส่ชุดว่ายน้ำคงเป็นสิ่งเดียวกับที่หลายๆ แบรนด์เน้นย้ำนั่นก็คือ
“การใส่ชุดว่ายน้ำให้สวยต้องมั่นใจ เหมือนอย่าง Lizzo เขาเป็นผู้หญิง curvy ตัวใหญ่ ไม่ได้หุ่นนางแบบแต่เขามั่นใจในตัวเอง แล้วเราชอบเขามาก เพราะไม่ว่าเขาจะใส่อะไรออกมา เขาก็จะมั่นใจในตัวเขา ถึงแม้จะมีเซลลูไลท์แต่นี่คือตัวฉันนะ ฉันสวยของฉันแบบนี้ เขาทำให้เรารู้สึกว่า ผู้หญิงถ้ามั่นใจจะใส่อะไรก็สวยทั้งนั้น”
ติดตามบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ในนิตยสารลิปส์ฉบับเดือนมีนาคม 2563 : LIPS Magazine March Issue
┃ขอบคุณสถานที่ : Escape Bangkok ชั้น 5 ดิ เอ็มควอเทียร์
┃Photography : Somkiat K. , Stantall