เมื่อ Song Hye-Kyo ลุกขึ้นมาแก้แค้นแก๊งบูลลี่ในซีรีส์ The Glory (ซีซั่น 2 ออนแล้ว!) และ Cate Blanchett ก้าวไปคุมวงออเคสตร้าในหนัง Tár พวกเธออยู่ใน ‘Subtle Dressing’ เครื่องแต่งกายสีขรึมทึมที่แผ่พลังอำนาจจากทุกรูขุมขน
Song Hye-Kyo’s Revenge Look
สมัยมัธยม เธอโดนแก๊งเด็กรวยเรียกไปแกล้ง คำนี้ยังเบาไป เรียกว่าโดนจิกไปทรมานทุกทางที่จินตนาการได้จะดีกว่า ซึ่งได้ฝากรอยโรลม้วนผมร้อนๆนาบทั่วร่างกาย และบาดแผลในใจที่ยังสดแสบไม่หายแม้ผ่านไป 20 ปี ซงฮเยคโยกลับมาคว้าชัยอีกครั้งในซีรีส์ The Glory กับบทบาท Moon Dong-Eun เหยื่อบูลลี่ที่รู้ซึ้งดีกับสำนวนที่ว่า Revenge is a dish best served cold. การแก้แค้นที่หอมหวานที่สุดต้องทำตอนมีสติ มีกลยุทธ์ อ้อ! และมีเสื้อผ้าเหมาะๆด้วย
เครื่องมือหนึ่งที่ช่วยให้ซงฮเย-คโยเข้าถึงแก่นแท้ความเป็นตัวละครมุนดงอึนในซีรีส์ที่ถูกสตรีมมากที่สุดเรื่องหนึ่งของเน็ตฟลิกซ์ก็คือเครื่องแต่งกาย เป็นต้นว่า เสื้อโค้ทจาก Theory ต่างหูเพชรติดหูของ Chaumet แว่นกันแดดรุ่น Arthur Sun จาก MOSCOT และกระเป๋า Fendi Peekaboo ISeeU ที่ตัวฮเยคโยเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ นักรบออกสงครามในชุดเกราะแกร่งฉันใด เครื่องแต่งกายของดงอึนก็ข่มขวัญศัตรูและชุบชูจิตใจคนใส่ได้มากฉันนั้น ทุกชิ้นจึงไม่มีโลโก้ ลายพิมพ์หรือว่าโทนสีสดใสโผล่มาให้เห็น
จากชุดนักเรียนในวัยเยาว์ที่โดนบูลลี่ จนมาถึงเสื้อเชิ้ตลายสก็อตกับสกินนี่ยีนส์ในวัยสาวที่สะท้อนถึงความขบถคุกรุ่น กระทั่งตกผลึกเป็นมุนดงอึนวัยผู้ใหญ่เต็มตัวในเสื้อเชิ้ตเรียบกริบ สูทคมปลาบ และเสื้อโค้ทเค้าโครงสุดสตรอง ล้วนแล้วแต่ไม่เคยอยู่ในโทนสีอื่นเลยนอกจากดำ เทา เบจและขาว
เช่นเดียวกับห้องพักของมุนดงอึนที่ไม่เคยมีตู้ โต๊ะ เตียง มีเพียงฟูกกับภาพแก๊งบูลลี่ติดเต็มผนัง ความแห้งผากแข็งกระด้างทั้งมวลนี้ บวกกับการไม่ยอมให้ตนเองยิ้ม หัวเราะหรือกระทั่งปล่อยตัวปล่อยใจมีความสุขเลยเปรียบเสมือนปราการที่เธอสร้างขึ้นมาเพื่อเตือนตนเองว่า การดำรงอยู่ของเธอมีเพื่อทำเป้าหมายเดียวในชีวิต คือการแก้แค้นแก๊งบูลลี่นั่น
Cate Blanchett’s Don’t-Mess-with-Me Style
รับบท Lydia Tár วาทยกรหญิงแห่งวงออร์เคสตร้าเยอรมันระดับโลก ฝีมือเธออุกอาจจนใครๆเรียกขานว่า มาเอสโตร ออร่าเธอเจิดจ้าราวกับร็อกสตาร์ผู้มีไฟเป็นเชื้อเพลิงขับเคลื่อนตัวเองและแผดเผาคนรอบข้าง ชีวิตเธอสวยหรู ร่ำรวยและมีครอบครัวแสนสุขกับคนรักหญิง
เคท บลานเช็ตต์แปลงร่างเป็นลีเดีย ทาร์ ผู้สมบูรณ์แบบในเสื้อผ้ามินิมัล เรียบ คม ไร้ที่ติ และย่อยสลายเส้นแบ่งเพศอย่างสิ้นเชิง ส่วนใหญ่เป็นงานเทเลอร์เนี้ยบโก้ ยังผลให้ทุนสร้างหนัง 29 ล้านปอนด์หมดไปกับเสื้อโค้ทราคา 3,000 ปอนด์จาก The Row, กระเป๋า Hermès Birkin 7,000 ปอนด์ นาฬิกา Rolex 4,000 ปอนด์ รวมไปถึงเสื้อผ้าจาก Margaret Howell, MaxMara, Dries Van Notenและ Lemaire ในโทนสีดำ ขาว เทาและกากี
หลังจากอ่านบท Bina Daigeler คอสตูมดีไซเนอร์ของหนังจงใจเลือกสีโทนนี้เพื่อให้เข้ากับสีท้องฟ้าในเยอรมัน และประสงค์จะไม่ให้คนดูสังเกตเห็นเสื้อผ้าเพื่อให้จับจ้องที่เคท หรือกระทั่งลืมไปด้วยซ้ำว่าเพศของลีเดีย ทาร์เป็นอะไร เพราะว่าหัวใจของหนังไม่ใช่เรื่องราวของ LGBTQ+ เฟมินิสต์ หรือการคุกคามทางเพศ แต่เป็นเรื่องของ ‘อำนาจ’ เช่นนี้แล้ว สไตล์และสีสันของเครื่องแต่งกายย่อมหนีไม่พ้น Power Dressing ดังที่เห็นในการปรากฏอย่างทรงพลังของลีเดีย ทาร์ ที่ราวกับประกาศอยู่ตลอดเวลาว่า “ฉันมีอำนาจและฉันก็ยุ่งม้ากมากด้วย ฉะนั้นอย่าทำให้ฉันเสียเวลา”
ด้วยบทนี้ ทำให้ Tár ได้เข้าชิงออสการ์ 2023 ถึง 6 สาขา รวมทั้งเคทที่มีลุ้นรางวัลสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (ที่เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงจากทุกเวที) นี้ด้วย
Words: Suphakdipa Poolsap
ข้อมูลจาก: