นับเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้เกิดขึ้นในวงการนางงามไทยในรอบหลายปี เมื่อแอน-แอนโทเนีย โพซิ้ว สาวไทยคนแรกจากเวทีการประกวด Miss Supranational Thailand 2019 ได้คว้ามงกุฎนางงามระดับโลก Miss Supranational 2019 ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ของเวทีการประกวดระดับแกรนด์สแลม ที่จัดขึ้นที่เมืองคาโทวิคส์ ประเทศโปแลนด์เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยแอนโทเนียครองตำแหน่ง Miss Supranational เป็นคนที่ 11 ของโลก
“ฉันคิดว่า บททดสอบในยุคของฉันคือ การที่คนชอบตัดสินคนอื่นจากภาพลักษณ์ที่เห็นภายนอก ไม่ได้มองลึกเข้าไปข้างใน หรือรู้จักคนนั้นจริง ทำให้เราอาจจะไปลดคุณค่าของคนที่ถูกเราตัดสินไปแล้ว ฉันคิดว่าถ้าเราไม่ด่วนตัดสินคนอื่นจะทำให้คนมีความสุขมากขึ้น และโลกนี้จะน่าอยู่มากขึ้น ขอบคุณค่ะ”
นี่คือคำตอบที่พาเธอคว้ามงฯ มาฝากคนไทยได้สำเร็จ นอกจากสวย เพอร์ฟอร์มดี และมีทัศนคติยอดเยี่ยมแล้ว เรื่องราวของแอนโทเนียยังสร้างแรงบันดาลใจได้ไม่น้อย มาทำความรู้จักกับเธอให้มากขึ้นผ่านบทสัมภาษณ์ฉบับย่อในโพสต์นี้กันเลยค่ะ
อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ในลิปส์ฉบับมกราคม 2563
“จริงๆ แล้วหนูไม่ได้คิดว่าจะเป็นนางงามเลย เราก็ใช้ชีวิตไปตามที่มันควรจะเป็น ไม่ได้ตีกรอบว่าโตขึ้นฉันจะต้องเป็นหมอ หรือเฉพาะเจาะจงว่าต้องเป็นอะไร คุณพ่อ คุณแม่ สนับสนุนทุกอย่าง อยากจะทำอะไรก็ทำไป ทำเต็มที่ ทำ 100 เปอร์เซ็นต์ ชอบเล่นกีฬาให้เล่นไป
…ตอนเล็กๆ หนูไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นคนสวย เพราะหนูไม่คิดว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญ แต่เมื่อเริ่มโตขึ้นย่างเข้าสู่วัยรุ่น จนเข้าประกวด The Face Season 1 หนูก็โดน Bully ในเรื่องของผิว ผิวไม่สวย ฟันไม่สวย หุ่นไม่ดี หลายคนบอกว่า หนูอ้วน เรื่องนี้เป็นสิ่งที่หนูโดนว่ามาตั้งแต่เด็ก ในตอนนั้นรู้สึกไม่ดี เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมคนอื่นต้องมาว่าเราแบบนั้น มันมีบางอย่างที่เปลี่ยนไม่ได้ แต่ในตอนนี้หนูโตขึ้น และเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องของเขาแล้วที่มาตัดสินเรา ซึ่งหนูคิดว่า อ้วนหรือผอม มันไม่ได้เป็นจุดตัดสินว่าคนนี้สวย หรือไม่สวย เพราะหนูเชื่อว่า ความสวยงามมาจากภายใน ไม่ใช่มาจากภายนอกอย่างเดียว”
“อยากบอกผู้หญิงทุกคนว่า ไม่ว่าคุณอยากจะทำอะไรก็ตาม ขอแค่เป็นตัวของตัวเอง ขอแค่ให้มั่นใจในตัวเอง มั่นใจในความสามารถ เพราะคุณเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับตัวของคุณได้ แล้วจงสนุกกับมัน Have Fun ทำเต็มที่เลย”
“ตอนนั้นหนูจัดฟันอยู่ ยังอ้วนอยู่ในสายตาของคนอื่น และในการประกวดต้องใส่บิกินี่ แล้วความรู้สึกเดิมก็แล่นเข้ามาในหัวหนูอีกว่า “แอนอ้วนๆ” เราไปเอาคำตัดสินของคนอื่นมาใส่ในความคิดของเรา หนูเลยไปบอกคุณพ่อคุณแม่ว่าไม่อยากทำแล้ว หนูไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่มั่นใจในรูปร่าง เราค่อนข้าง sensitive กับเรื่องนี้มาก
…คุณพ่อถามว่าทำไมไม่อยากทำแล้ว ทำไมคุณถึงยอมแพ้ง่ายๆ ในเมื่อคุณมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าคุณเข้ามาในเวทีการประกวดนี้เพื่ออะไร คุณได้ลองทำมันแล้วหรือยัง ยัง แล้วคุณทำเต็มที่แล้วหรือยัง ยัง แล้วคุณมาเพื่ออะไร เพื่อมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคนที่คิดว่าเขาไม่สมบูรณ์แบบ และหากเขาจะไม่เลือกคุณนั่นไม่ใช่เพราะคุณอ้วนแต่เพราะคุณขาดความมั่นใจในตัวเอง
…จากทุกคำพูดของคุณพ่อมันทำให้หนูปรับทัศนคติตัวเองเสียใหม่ว่า ถ้าเราอยากเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่น เราต้องเป็นตัวอย่างให้เขาเห็นให้ได้ ทีนี้พอถึงตอนที่หนูต้องไปถ่ายชุดว่ายน้ำก็พยายามหายใจเข้าหายใจออกลึกๆ และได้ก้าวข้ามผ่านความรู้สึกที่แย่ที่สุดมาได้ และนับจากนี้ต่อไปหนูก็ได้ตอกย้ำกับตัวเองว่า เรามาเพื่อสร้าง Inspiration และทำเพื่อคนอื่น รวมถึงเรื่องการสร้างโอกาสในการช่วยเหลือคนอื่น เพราะฉะนั้นเราต้องทำให้เต็มที่ อย่าหวั่นไหว”
“สิ่งที่หนูตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะต้องทำให้มันเกิดขึ้นให้ได้ คือการช่วยเหลือเด็กในเรื่องของการศึกษา เสริมสร้างความรู้ด้าน Social Study เสริมสร้างการปลูกจิตสำนึกที่ดี อาจเป็นการเข้าไปให้วามรู้ หรือทำกิจกรรมสร้างสรรค์ร่วมกันตามชุมชม ตามโรงเรียนต่างๆ เพื่อให้เด็กเกิดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง พร้อมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในสังคม
…ที่สำคัญหนูคิดว่า การ Educate ตัวเอง ไม่จำเป็นต้องเป็นเด็กอย่างเดียว ทุกคนทุกวัยต้องเรียนรู้ อย่าหยุดนิ่ง และต้องทำควบคู่ไปกับเรื่องของการดูแลสุขภาพร่างกาย โดยหนูจะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนหันมาออกกำลังกายและดูแลรักษาสุขภาพกันให้มากขึ้น โดยเฉพาะการดูแลสุขภาพจิตใจ ก็อยากจะเป็นคนๆ หนึ่งที่ช่วยส่งมอบกำลังใจดีๆ ให้กับทุกๆ คนผ่านการพูดคุย ผ่านพื้นที่ที่สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้
…ที่สำคัญหนูคิดว่า การ Educate ตัวเอง ไม่จำเป็นต้องเป็นเด็กอย่างเดียว ทุกคนทุกวัยต้องเรียนรู้ อย่าหยุดนิ่ง และต้องทำควบคู่ไปกับเรื่องของการดูแลสุขภาพร่างกาย โดยหนูจะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนหันมาออกกำลังกายและดูแลรักษาสุขภาพกันให้มากขึ้น โดยเฉพาะการดูแลสุขภาพจิตใจ ก็อยากจะเป็นคนๆ หนึ่งที่ช่วยส่งมอบกำลังใจดีๆ ให้กับทุกๆ คนผ่านการพูดคุย ผ่านพื้นที่ที่สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้
…นอกจากนี้ในเรื่องของการช่วยเหลือผู้คน เป็นสิ่งที่หนูทำมาตั้งแต่เด็กๆ เรารู้สึกมีความสุขมาก และเมื่อหนูเติบโตขึ้น หนูได้เป็นนางงาม หนูจะใช้ตำแหน่งหน้าที่นี้ในการเป็นผู้เบิกทางเป็นกระบอกเสียงในการช่วยเหลือผู้คน เพราะที่หนูบอกเอาไว้ในตอนต้นว่าที่หนูมาประกวด เพราะอยากช่วยเหลือคนอื่น หนูบอกทางกองประกวดว่าหนูอยากทำเรื่อง Charity มาก เพราะหนูมีแพลทฟอร์ม มีแนวทางที่ทำแล้ว และเมื่อหนูได้มายืนอยู่ในจุดนี้ก็มีทีมที่มีพลังมากพอที่จะช่วยเราได้”
│Photography : Somkiat K.