ท่ามกลางเทรนด์อาหารสเปนที่กำลังฮอตฮิต เราขอเลือกพาลิปสเตอร์แวะเวียนมาชิมทาปาสบนจานไม้ยาวกว่า 2 ฟุต พร้อมชมวิวกรุงเทพฯ จากมุมสูงที่ห้องอาหาร Uno Mas บนชั้น 54 ของโรงแรม Centara Grand อาจจะไม่ใช่ร้านใหม่เอี่ยมอ่อง เพราะ Uno Mas เปิดบริการมาได้ 5 ปีแล้ว แต่ถ้าอยากลิ้มรสอาหารสเปนขนานแท้ และเมนูท้องถิ่นที่หาทานได้ยากมาที่ Uno Mas รับรองว่า ไม่ผิดหวัง
ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก เรารู้สึกเหมือนกำลังก้าวเข้าสู่โลกใต้บาดาลที่รายล้อมด้วยสีน้ำเงินครามของมหาสมุทร ด้วยการตกแต่งที่จำลองสีสันของท้องทะเลเมดิเตอเรเนียนมาไว้โดยรอบ ผสานศิลปะแบบมัวริชที่มีกลิ่นอายโมร็อกกันหน่อยๆ ที่เชื่อมโซนทั้ง 3 โซนของห้องอาหารเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว พร้อมด้วยการใช้แสงไฟในเฉดสีฟ้าอันเป็นสีสันของผนังดินเผาที่ถูกแต่งแต้มไปทั่วเมืองเชฟชาอูนในโมร็อกโกยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนได้วาร์ปไปยังดินแดนแห่งสีสันในยุโรปตอนใต้พอให้ได้หายคิดถึงการเดินทางไปยังต่างประเทศได้บ้าง
จุดที่สะดุดตาเราที่สุดคงเป็นบาร์เครื่องดื่มที่มีแบ็คกราวด์เป็น Wine Cellar สูงกว่า 8 เมตร หรือเทียบเท่ากับความสูงของอาคารสองชั้น เป็นที่ยืนยันว่า Uno Mas จริงจังกับ Selection เครื่องดื่มไม่เบาเลยทีเดียว เห็นความสูงขนาดนี้หลายคนคงนึกสงสัยว่า แล้วเวลาอยากลองชิมไวน์ขวดบนสุดจะทำอย่างไร ต้องบอกว่า ที่นี่มี Wine Angel คอยขึ้นสลิงเหิรขึ้นไปหยิบมาบริการในยามค่ำคืน
วิวเมืองกรุงแบบพาโนราม่าโอบล้อมเราไว้ทุกทิศ ไม่ว่าจะเลือกนั่งโซนไหน แต่ถ้าไม่เน้นวิว เน้นนังชิลล์กันแบบใกล้ชิด มุมโซฟาที่โอบล้อมด้วยม่านสีขาว เติมสีสันด้วยหมอนอิงสีสด ก็ทำให้รู้สึก Cozy ดีไม่น้อย เราเลือกนั่งโซนใกล้บาร์ทาปาส เพื่อให้ได้ชมลีลาการเตรียมอาหารของเชฟอย่างใกล้ชิด พร้อมชื่นชมวิวผ่านกระจกใสโดยรอบขณะรอชิมอาหาร
ทันทีที่จานแรกมาเสิร์ฟก็ต้องตกใจกับความยาวเหยียดอลังการงานสร้างของทาปาสสัญชาติสเปนที่เสิร์ฟมาบนจานไม้ยาวถึง 2 ฟุต Selection ของทาปาสที่วางเรียงรายมาบนนั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นเมนูที่ปรุงแบบสเปนแท้ๆ และมาใน portion ที่หากคิดจะทานถึงขั้นอิ่มจริงจังก็ยังไหว บนจานไม้ขนาดยาวพิเศษมีทั้งไข่เจียวสเปน ไข่เจียวเนื้อหนานุ่มที่มีหัวหอมใหญ่มาเพิ่มเท็กซ์เจอร์ และความหวานซ่อนอยู่ในเนื้อไข่ คาลามารี่หรือปลาหมึกชุบแป้งทอดสเปนทอดมาแบบกรอบตลอดคืน เสิร์ฟพร้อมซอสไอโอรี่หมึกดำรสกลมกล่อม หนวดปลาหมึกยักษ์ไซส์จัมโบ้เคี้ยวหนึบอย่างปลาหมึกออคโตปุสย่าง ท็อปด้วยซอสพริก ชิฟโปเล่ย์ และ ซอสพริกเขียว ก็เคี้ยวเพลิน
ใครที่ชอบทาน Cold Cut พลาดไม่ได้กับแฮมโจเซอร์รีโต้ที่นำไปตากแห้งรมควันนานกว่า48 เดือน จนได้รสเค็มพอเหมาะ และเนื้อแฮมยังคงชุ่มฉ่ำสดใหม่ นอกจากนี้ยังมีแฮมโจเซอร์รีโต้คลุกเกล็ดขนมปังทอดกรอบ เสิร์ฟกับซอสไอดอรี่มายองเนส เนื้อชูกี่ชู่และหมูพลูม่า บดเสิร์ฟในซอสมะเขือเทศ เรียกได้ว่า เป็นเมนู Introduction เข้าสู่โลกของอาหารสเปนได้อย่างครบถ้วน
ต่อมาเป็นเมนูประจำชาติที่หลายคนคงรู้จักดีนั่นก็คือ “ปาเอญ่า” หรือ ข้าวผัดสเปนสีเหลืองอำพัน ซึ่งทาง Uno Mas มีให้เลือกหลากหลายท็อปปิ้งตามชอบ แต่ถ้าเป็นคนรักพี่เสียดายน้องอย่างเรา ต้องเลือกสั่งแบบ Half & Half ที่เสิร์ฟปาเอญ่าสองสไตล์มาในกระทะที่แบ่งฟากแบ่งฝั่งกันอย่างชัดเจน ฝั่งหนึ่งเป็นข้าวอบเห็ดสไตล์สเปน เสิร์ฟพร้อมหมูไอเบอร์ริโก้ ไส้กรอกไบติฟาร์ร่า เห็ดป่า และเห็ดทรัฟเฟิลดำ เน้นเมนูสัตว์บกสำหรับคนแพ้อาหารทะเลโดยเฉพาะ อีกฝั่งหนึ่งเป็นข้าวปาเอญ่าเสิร์ฟพร้อมกุ้งล็อบสเตอร์ กุ้งแดงสเปนคาราบิเนรอส และกุ้งอื่นๆ ส่วนตัวเราเทคะแนนให้ฝั่งนี้เป็นพิเศษ เพราะคิดว่า รสชาติน้ำสต็อกและเครื่องเทศนั้นเข้ากันได้ดีกับรสชาติของกุ้งหลากชนิด โดยเฉพาะก้ามกุ้งล็อบสเตอร์เนื้อแน่นหวานฉ่ำที่ท็อปมาด้านบน
จานต่อๆ ไปเป็นจานหลักที่ถูกปากเราเป็นพิเศษ นั่นก็คือ Iberico Presa Pork เมนูหมูดำอิเบริโค หมูสายพันธุ์โด่งดังของสเปน ซึ่งจัดว่าเป็นเนื้อหมูที่ดีที่สุดในโลก เชฟยังได้ให้เกร็ดความรู้เกี่ยวกับการย่างหมดำสายพันธุ์นี้เอาไว้ว่า ด้วยความที่หมูอิเบริโคนั้น ได้ผ่านกระบวนการเลี้ยงแบบพิเศษนั่นคือ ปล่อยหมูทุกตัวให้เดินเล่นในทุ่งหญ้าโล่งๆ และหากินเองตามธรรมชาติ ซึ่งอาหารหลักที่เจ้าหมูสายพันธุ์พิเศษพวกนี้กินนั้น นอกจากหญ้าแล้วมีสมุนไพร และacorn nutsที่ตกจากจากต้นโอ๊คแบบสดๆ ซึ่งคุณประโยชน์จากacorn nutsนี่แหละ ที่ทำให้ไขมันที่อยู่ในตัวหมูเปลี่ยนเป็นไขมันชนิดเดียวกับน้ำมันมะกอก จัดว่าเป็นไขมันดีมีประโยชน์กับร่างกาย ผลลัพธ์ คือ เนื้อหมูที่ได้เป็นจึงสีชมพูเข้มไปทางแดง และมีไขมันแทรกแบบพอเหมาะพอเจาะ ทำให้เวลาทานเนื้อหมูพันธุ์นี้เราไม่รู้สึกเลี่ยนจนเกินไป
อีกหนึ่งเมนูเป็นเมนูหมูย่างที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนชื่อว่า Suckling Pig ที่นำเนื้อลูกหมูอายุ 2 สัปดาห์มาย่างจนหนังกรอบคล้ายหมูหันของจีน ความนุ่มของเนื้อหมูนั้นถูกพิสูจน์ด้วยการหั่นเนื้อหมูโดยเศษจานกระเบื้องแตก และเพื่อเป็นการย้ำว่า ใช้จานกระเบื้องจริงๆ ก่อนเสิร์ฟทางเชฟจึงเข็นรถเข็นบรรทุกจานมาปาให้แตกเปรี้ยงกันตรงหน้า แล้วนำเศษจานนั้นมาหั่นแบ่งให้ทานกัน เสิร์ฟพร้อมกับซอสหลากหลายสไตล์ โดยไม่ลืมที่จะเตรียมน้ำจิ้มแจ่วรสแซ่บไว้เอาใจคนไทยด้วย


จบเมนูอาหารคาวกันแล้วเราล้างปากด้วยเมนูของหวานสัญชาติเดียวกันกับอาหารอย่าง Catalan Cream ที่มีรสคล้ายๆ แครมบรูว์เล แต่เติมความหวานเย็นด้วยไอศกรีมวานิลลาที่ซ่อนไว้ด้านใน หรือจะเลือกทาน Tarta De Queso หรือชีสเค้กแบบที่กำลังอินเทรนด์ก็รับรองว่า ไม่ผิดหวังกับเนื้อเค้กเนียนนุ่ม ทานสบาย ไม่เลี่ยน เราขอล้างรสชาติที่ตกค้างบนลิ้นด้วยค็อกเทลอุ่นๆ อย่าง Lirio de Campo ค็อกเทลยินเบส ที่มาในรูปแบบชาคาโมไมล์ เสิร์ฟมาในกาชาแก้วใส ทั้งยังมีผลไม้สด และใบมิ้นต์ให้เลือกเติมกลิ่นหอมตามชอบ
แต่ถ้าใครยังอยากนั่งจิบยาวๆ ไปยันเที่ยงคืน ก็บอกเลยว่า คุ้มทั้งราคา และคุณภาพ เพราะที่นี่มีโปรโมชั่นดริ๊งก์ดีๆ ให้ดื่มกันตั้งแต่เย็นยันดึก อยู่ใกล้ๆ ใจกลางเมืองแค่นี้ หลังเลิกงานแวะมาสักนิด ช่วยอุดหนุนธุรกิจโรงแรมไทยให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้อย่างสวยงาม เพราะถึงแม้จะจัดโปรเต็มเหนี่ยว แต่คุณภาพอาหารและเครื่องดื่มยังคงมาตรฐานเท่าเดิม

Uno Mas
ชั้น 54 โรงแรม Centara Grand & Bangkok Convention Centre at CentralWorld
โทร. 0 2100 6255
┃Photography : Somkiat K.