เซอร์ไพรส์สายแฟมาโดยตลอดสำหรับ Valentino ที่ครั้งนี้ก็ไม่พลาดที่จะมาพร้อมโชว์สุดอลังในคอลเล็กชั่น Haute Couture Fall-Winter 2023 ที่จัดขึ้นท่ามกลางฉากหลังอันงดงามของปราสาทเก่าแก่ในฝรั่งเศสอย่าง Château de Chantilly
ซีซั่นนี้จึงใช้ชื่อว่า ‘Un Château’ ที่แปลว่า ‘ปราสาท’ โดย Pierpaolo Piccioli ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของแบรนด์ ได้นำคำว่า ‘Un Château’ มาตีความใหม่โดยไม่ยึดติดกับความคิดดั้งเดิม และเลือกที่จะจัดงานที่ปราสาทเพื่อเป็นสัญญะแห่งความเท่าเทียม ฟังดูย้อนแย้ง
นั่นเพราะในอดีต ปราสาทเปรียบเสมือนพื้นที่ของชนชั้นสูง แต่ในปัจจุบัน ปราสาทสามารถเป็นพื้นที่สำหรับทุกคน ทั้งยังสามารถเป็นพื้นที่ที่สามารถเฉลิมฉลองความสวยงาม เอกลักษณ์ และเสรีภาพในขณะเดียวกัน
‘Un Château’ จึงเป็นคอลเล็กชั่นเครื่องแต่งกายชั้นสูงสุดวิจิตรที่ผสานความเรียบง่ายของเรดี้ทูแวร์ได้อย่างงดงาม มีชั้นเชิง และคงไว้ซึ่งดีเอ็นเอของเมซงทุกประการ
สำหรับคอลเล็กชั่นนี้ โดดเด่นด้วยเสื้อผ้าที่พลิ้วไหวไปพร้อมกับร่างกาย ซึ่งแสดงออกถึงความเรียบง่ายคล่องตัวตามรูปทรง รอยเย็บตะเข็บที่น้อยลง รวมถึงความแม่นยำและเน้นย้ำในรายละเอียด
ในขณะเดียวกันอุดมคติในอดีตก็นำมาซึ่งทัศนคติของปัจจุบัน อย่างเนื้อผ้าที่ถูกทำให้มีนํ้าหนักที่เบาขึ้นการตกแต่งที่เกิดจากความคิดและอารมณ์ การใช้สีที่เข้มขึ้นของลายอะราเบสก์เพื่อจำลองสไตล์บาโรก ซึ่งแสดงออกถึงความเรียบง่าย แต่มีความโดดเด่น อีกทั้งผ้าพลิ้วไหวที่ถูกตรึงไว้ เห็นถึงความนิ่งของผ้าเหล่านั้น เพื่อให้เราพิจารณารายละเอียดของมัน
เพราะเมซงเชื่อว่าความเป็นมนุษย์ถือเป็นจุดศูนย์กลางของทุกๆอย่าง อาทิ รองเท้าพื้นแบนช่วยให้มีอิสระต่อการเคลื่อนไหว การพลิ้วไหวของเสื้อผ้าเป็นการแสดงอารมณ์ของแต่ละบุคคลและความรู้สึกของมนุษย์ ขณะเดียวกันสัญชาตญาณและความเป็นธรรมชาติก่อให้เกิดท่วงท่าแห่งความฟุ้งเฟ้อ
การใช้ขนสัตว์เทียม อัญมณีคริสตัล ที่ชวนให้นึกถึงความทรงจำเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ในทางกลับกันความทันสมัยสามารถกลายเป็นความโดดเด่นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อยืดที่เปลี่ยนโฉมเป็นเสื้อคลุมยาว กางเกงยีนส์วินเทจ Levi’s® 501 XX Big E ที่ทำหน้าที่เป็นผืนผ้าสำหรับงานถักทอสีทอง
กางเกงยีนส์อื่นๆ ถูกรังสรรค์ขึ้นใหม่ด้วยผ้าเดนิมที่ใช้เทคนิค trompe l’oeil หรือภาพลวงตาที่แฝงมากับลวดลายบนผืนผ้า ด้วยการร้อยลูกปัดที่ใช้ความประณีตและเพิ่มความน่าค้นหา ซึ่งต้องดูรายละเอียดอย่างใกล้ชิดจึงจะเข้าใจแนวทางและปรัชญาของคอลเล็กชั่นนี้
โดยรวมแล้ว ทางเมซงเลือกที่จะรังสรรค์คอลเล็กชั่นนี้ เพื่อให้ได้ค้นหาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างสภาพแวดล้อมและผู้ที่สวมใส่ ผู้คนเดินพัดผ่านจากความสง่างามภายในไปสู่ความอิสรภาพของตนเอง และชุดที่สวมใส่เป็นสัญลักษณ์แทนการเปลี่ยนแปลงอย่างตรงกันข้าม ซึ่ง ณ ที่แห่งนี้ ‘Un Château’ จะกลายเป็นพื้นที่สำหรับการขยายเสียงความคิด ซึ่งเป็นที่เปิดกว้างและเป็นกลางสำหรับทุกคนโดยแท้จริง
Words: Ayu Kulahathai
