บ่ายแก่วันเสาร์ ฉันนั่งทอดอารมณ์อยู่บนโซฟาในห้องพัก ของโรงแรม Public House Hotel ใจกลางสุขุมวิท บนเตียงเต็มไปด้วยแผ่นเสียง ท่วงทำนองเพลงขึ้นหิ้งในแต่ละยุคลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ จากห้องหนึ่งสู่ห้องหนึ่ง จากเพลงเก่าสู่เพลงใหม่ จากเพลงคุ้นหูสู่เพลงแปลกหู รู้ตัวอีกทีฉันอยู่ในงาน Vinyl Fair BKK 2023
สมัยฉันยังเด็กคำว่า “วัตถุนิยม” เป็น Adjective ที่มีความหมายเชิงลบ ใครที่ถูกเรียกว่าเป็นพวกวัตถุนิยมมักถูกนิยามว่าเป็นคนตื้นเขิน เป็นพวกที่ให้ความสำคัญกับทรัพย์สินเงินทอง การครอบครองสิ่งของที่ไร้ซึ่งสารัตถะ เพลง Material Girl ของมาดอนน่ากับเนื้อหาที่ว่าด้วย สาวสวยหัวสมัยใหม่ สนใจแต่ทรัพย์สินเงินทอง ไม่เห็นความรักอยู่ในสายตา ถูกมองว่าเป็นผลไม้พิษของวัฒนธรรมอเมริกันที่สร้างความเจ็บป่วยทางความคิดให้กับเยาวชนแสนไร้เดียงสาในประเทศโลกที่ 3
ฉันนึกถึงช่วงเวลานั้นด้วยความขัน เมื่อเวลาผ่านไป หลายสิ่งไม่จำเป็นต้องพึ่งพาวัตถุเป็นสื่อกลางในการครอบครองอีกต่อไป อินเทอร์เน็ตพาโลกเข้าสู่ยุคข้อมูลนิยม สื่อบันเทิง ภาพยนตร์ หนังสือ เพลง แปรสภาพอยู่ในรูปแบบดิจิทัลที่การดาวน์โหลดและสตรีมมิ่งเป็นช่องทางสำคัญในการเข้าถึงสื่อและงานศิลปะ ทุกคนฟังเพลงได้ฟรีๆ การครอบครองวัตถุที่บันทึกเพลงของมาดอนน่าคล้ายว่าจะไม่มีความหมายอีกต่อไป
ค่านิยมที่เคยมีก็เลยกลับตาลปัตร ทุกวันนี้เราฟังเพลงผ่านสตรีมมิ่งเป็นหลัก YouTube, Spotify, Joox, Apple Music ทำให้ Tower Records กลายเป็นโบราณสถานเลือนลางในความทรงจำที่วัยรุ่นเจนซีไม่รู้จัก ครั้นแล้วคนกลุ่มเล็กๆที่หลงใหลในเสน่ห์ของความทรงจำนั้นก็ก่อตัวขึ้น ยืนยันว่าการครอบครองวัตุถุที่บันทึกเสียงนั้นมีความหมาย เกิดเป็นกลุ่มนักสะสมแผ่นเสียง กลายกลับเป็นว่าความนิยมในวัตถุที่เป็นรูปธรรมไม่ใช่ความตื้นเขินฉาบฉวยอีกต่อไป
บ่ายแก่วันเสาร์ ฉันนั่งทอดอารมณ์อยู่บนโซฟาในห้อง 211 ของโรงแรม Public House Hotel ใจกลางสุขุมวิท ไม่ได้มานัดเจอคลอเคลียกับชายหนุ่มที่ไหน (เขียนให้เซ็กซี่ไปงั้น จริงๆก็ไม่เคยมีประสบการณ์แบบนั้นร้อก) บนเตียงเต็มไปด้วยแผ่นเสียงให้คนที่ผ่านเข้ามาได้เลือกซื้อเลือกชม (แผ่นเสียง ไม่ใช่ฉัน)
ฉันอยู่ในโซนออกร้านของงาน Vinyl Fair BKK 2023 ที่ปรับเปลี่ยนห้องพักในโรงแรม Public House ให้กลายเป็นป๊อปอัปสโตร์ของร้านขายแผ่นเสียง หนึ่งห้องต่อหนึ่งร้าน เดินเข้าไปในแต่ละห้อง สิ่งแรกที่เห็นคือ ตู้เสื้อผ้าหน้าห้องพักที่ถูกเปลี่ยนเป็นชั้นวางแผ่นเสียง เทปและซีดีเก๋ๆ
ราวแขวนเสื้อผ้าสำหรับแขกกลายเป็นราวแขวนเสื้อวงดนตรีหายาก มุมนั่งเล่นในห้องมีเครื่องเล่นแผ่นเสียงดีไซน์เรียบหรูพร้อมเครื่องเสียงครบเซตเล่นแผ่นขับกล่อม และใช้สำหรับลูกค้าที่อยากลองฟังแผ่นเสียงที่สนใจได้ บนเตียงเต็มไปด้วยแผ่นเสียงปกสวยวางเรียงบนผืนผ้าห่มสีขาวสะอาด เป็นการวางสินค้าที่เย้ายวนอย่างคาดไม่ถึง
บรรยากาศของแต่ละห้องแตกต่างกันไปตามคาแรกเตอร์ของแต่ละร้าน บ้างก็เป็นแนวเพลงไทยคลาสสิคขึ้นหิ้ง บ้างเป็นเพลงอินดี้ บ้างเป็นแผ่นเสียงนำเข้าจากต่างประเทศ บ้างมาเป็นแนวเพลง City Pop
เดินลงมายังชั้นล่างในโซนล็อบบี้มีโต๊ะดีเจที่สร้างแบบ DIY ด้วยลังพลาสติกสีน้ำเงินตัดกับขาวสำหรับให้ศิลปินเปิดแผ่นโชว์ในช่วงกลางคืน ลึกเข้าไปด้านในเป็นโซน Exhibition ซึ่งจัดแสดงงานศิลปะในคอนเซ็ปต์ ‘COVER THE COVER’ ที่ให้ศิลปินมากหน้าหลายตามา redesign ปกแผ่นเสียงระดับตำนาน และจัดแสดงเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ได้รับการตกแต่งให้กลายเป็น Turn Table original ของศิลปินแต่ละคนอีกด้วย
หลังจากเดินดูจนพอใจแล้ว ฉันเดินออกมาจากโรงแรมพร้อมแผ่นเสียงที่ฉันหมายตา อัลบั้ม Like A Virgin ของราชินีเพลงพอปมาดอนน่า เพลงแรก Side 1 คือ Material Girl ความยาว 4.01 นาที เพลงที่ผู้ใหญ่รุ่นฉันหลายคนค่อนคอดว่าเป็นเพลง Toxic สังคม สร้างวัฒนธรรมวัตถุนิยมฉาบฉวย แต่ถ้าฟังดีๆแล้ว เนื้อหาที่ว่าด้วยผู้หญิงที่ให้ค่ากับวัตถุมากกว่าผู้ชายนั้นกลับเป็นการมอบอำนาจให้กับผู้หญิง เปิดมุมมองให้เห็นภาพผู้หญิงที่ให้ความสำคัญกับโลกความเป็นจริง มากกว่าการล่อลวงหลายรูปแบบของเพศตรงข้าม เป็นเพลงเฟมินิสต์ที่กลับด้านอำนาจระหว่างสองเพศ ซึ่งไม่อาจเรียกว่าเพลงฉาบฉวยได้เลย
ชวนให้ฉันคิดว่า บางทีมันอาจไม่มีอะไรฉาบฉวยหรอก ไม่ว่าจะเป็นสารัตถนิยมหรือวัตถุนิยม ถ้าเราให้เวลากับมันนานพอ
Words: Roongtawan Kaweesilp