‘สี’ ไม่ได้เป็นเพียงตัวบ่งบอกบุคลิกภาพ แต่ยังเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่ออารมณ์ และจิตใจให้คล้อยตาม ต่อต้าน หรือมั่นใจในการตัดสินใจอะไรบางอย่าง อีกทั้งความทรงจำต่อสีหน่ึงสีในอดีตอาจส่งผลต่อความชื่นชอบ ความสบายใจ ความอึดอัดใจ หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตในปัจจุบันได้อีกด้วย ดังนั้น สีจึงสำคัญสำหรับการออกแบบต่าง ๆ หรือแม้กระท่ังเทรนด์ต่าง ๆ ท่ีผู้สร้างสรรค์ต้องการให้ได้รับความนิยมจนกลายเป็นไวรัลหรือป๊อป คัลเจอร์ เพราะการเลือกสีที่ถูกต้อง ย่อมสร้างความประทับใจ หรือโน้มน้าวใจคนหมู่มากได้ แล้วสีแต่ละสีซ่อนความหมาย และสามารถสร้างอิทธิพลเหนือจิตใจได้อย่างไรบ้าง ลิปส์ฉบับนี้เรามาค้นหาคำตอบกัน
RED
PASSION, POWER, DANGER
สีแดงเป็นสีที่มีอิทธิพลต่อผู้คนมากท่ีสุด เพราะสร้างความตื่นเต้น ความปรารถนา หรือ พลังงานที่ขับเคลื่อนความกล้า และความมั่นใจในการลงมือทำส่ิงท่ีต้องการ จึงไม่แปลกที่จะ เห็นหลากหลายแบรนด์สินค้าใช้สีแดงเป็นส่วนประกอบในการออกแบบแพ็กเกจจิ้ง ช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า หรือช่องทางในการแสดงรายการสินค้า เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าหยิบ หรือกดปุ่มสั่งซื้อ
สีแดงยังถูกเชื่อว่ามีส่วนช่วยให้เกิดความอยากอาหาร และเร่งการทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกาย นั่นจึงเป็นเหตุผลให้แฟรนไชส์ร้านอาหาร และเครื่องดื่มมากมายใช้สีแดงในโลโก้ของแบรนด์ การทำแบรนดิ้งรวมไปถึงการตกแต่งร้าน ในขณะเดียวกันสีแดงยังแสดงถึงอำนาจ หลายคนใส่เสื้อผ้าหรือแต่งหน้าด้วยสีนี้ เพี่อข่มขวัญคู่แข่งของตัวเองให้รู้ว่า ฉันมาเพื่อชนะ ด้วยการเป็นภาพแทนแห่งอำนาจ มีพลัง ข่มขวัญผู้อื่น อีกทั้งยังเป็นสีของไฟและเลือด ซึ่งเช่ือมโยงกับความร้อนแรง และความสามารถ สีแดงจึงมักถูกยกให้เป็นลีดเดอร์ เพราะมีคุณสมบัติของความเป็นผู้นำ ขณะเดียวกันก็ใช้เป็นภาพสะท้อนตัวละครที่มีความเลือดร้อนและดูอันตราย
YELLOW
POSITIVITY, LIVELINESS, CREATIVITY
สีเหลืองสื่อถึงความสดใส ทั้งยังเป็นตัวแทนแห่งความสุข ความร่าเริง ความอบอุ่น ความหวังและการมองโลกในแง่ดี หลาย ๆ แบรนด์ จึงมักจับคู่สีเหลืองกับสีอื่น ๆ เช่น สีเขียวเข้มหรือสีน้ำเงินในโลโก้ หรืองานออกแบบผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อสร้างความสะดุดตา พร้อมกระตุ้นให้รู้สึกถึงความมีชีวิตชีวา ความสนุกสนาน และเกิดทัศนคติในด้านบวกต่อสิ่งที่แบรนด์นำเสนอออกมา ในขณะเดียวกันสีเหลืองยังช่วยจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ ปลุกให้สมองตื่นตัวเพื่อมองหาส่ิงใหม่ ๆ รอบตัว และสร้างความมั่นใจในการรเริ่มลงมือทำบางสิ่งบางอย่างด้วย
ถึงอย่างนั้นสีเหลืองที่มากจนเกินไปก็อาจส่งผลให้เกิดความหงุดหงิดรำคาญใจ ความกังวล ความอึดอัด ไปจนถึงขั้นหวาดกลัวได้เช่นกัน โดยเฉพาะกับผู้ที่กำลังอยู่ในภาวะเครียหรืออารมณ์ไม่ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วอีก ทั้งอาจจะไปเร้าให้ความสามารถในเชิงวิพากษ์วิจารณ์ ห รือการใช้เหตุผลเพื่อตัดสินเรื่องราวบางอย่าง ทำงานได้แย่ลง หรือแฝงไปด้วยอคติก็เป็นได้
BROWN
SECURITY, SINCERITY, LONELINESS
เห็นสีน้ำตาลก็ต้องนึกถึงสีของพื้นดิน หิน ทราย เปลือกไม้ สีนี้จึงหมายถึงความแข็งแรง มั่นคง อยู่ด้วยแล้วรู้สึกปลอดภัย อบอุ่น สบายใจ เหมือนได้อยู่กับคนรัก และคนสำคัญของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น ครอบครัว เพื่อน หรือคู่ชีวิต
สีนี้ยังแสดงถึงความเป็นคนติดดิน ง่าย ๆ เป็นธรรมชาติ และปรับตัวได้ง่าย อีกทั้งสื่อถึงความจริงใจ น่าเชื่อถือ และพึ่งพาได้ แต่ถึงอย่างน้ันสีน้ำตาลก็พาให้นึกถึงความกว้างใหญ่ไพศาลของทะเลทราย ซึ่งให้ความรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว และไม่มีวันส้ินสุด
BLACK
DEATH, MYSTERY, ELEGANCE
คนไทยหลายคนชอบทักคนใส่สีดำล้วนว่า “ไปงานศพหรือกำลังไว้ทุกข์หรือเปล่า” ในหลายวัฒนธรรมเป็นเช่นนั้น เพราะสีดำสื่อถึงความตาย และความโศกเศร้า หรือแม้กระทั่งความหวาดกลัว หรือความโหดร้ายรุนแรง แต่ขณะเดียวกันก็ช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้ดูทรงพลังและสง่างาม
ถ้าเป็นโลกของแฟชั่น เรามักจะนึกถึง YOHJI YAMAMOTO และ Rick Owens ท่ีใช้สีดำในการออกแบบคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าของตัวเอง ผู้สวมใส่ชุดสีดำแม้เรียบง่าย แต่กลับดูเท่ ดึงดูดสายตา อย่างไรก็ตามในโลกของภาพยนตร์และอนิเมชั่น สีดำมักถูกสร้างภาพจำว่า เป็นตัวละครฝ่ายตรงข้ามความดี ที่มีแต่ความชั่วร้าย หรือเกี่ยวข้องกับภูติผีปีศาจหรืออาคมมนตร์ดำต่าง ๆ
ORANGE
ENERGY, COURAGE, YOUTH
สีส้มสร้างความรู้สึกกระชุ่มกระชวย และความกระตือรืนร้น เป็นตัวแทนของพลังงาน และจิตวิญญาณแห่งวัยรุ่น รวมถึงตัวตนของสายลุย กล้าได้กล้าเสีย และชอบเข้าสังคม เป็นสีที่อยู่ตรงกลางระหว่างอำนาจ น่าเกรงขามของสีแดง และความเบิกบานสดใสของสีเหลือง
เช่ือกันว่า สีส้มมีผลช่วยบรรเทาเยียวยาจิตใจให้ฟื้นตัวจากความทุกข์ ความผิดหวัง และความเศร้าโศก พร้อมมอบพลังให้ชีวิตผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากไป ได้ อย่างไรก็ตามสีส้มกลับสะท้อนภาพบรรยากาศของฤดูใบไม้ร่วงท่ีใบไม้ค่อย ๆ เปลี่ยนสีและค่อย ๆ แห้งจนปลิดปลิวออกจากกิ่งไม้ เป็นสัญญาณว่า ฤดูหนาวอันเปลี่ยวเหงาและเย็นยะเยือกกำลังใกล้มาถึง
BLUE
CALM, RELIABILITY, SORROW
สีน้ำเงินให้ความรู้สึกสงบ ปลอดภัย เชื่อกันว่า สีน้ำเงินช่วยลดความตึงเครียดและความหวาดกลัวได้ ท้ังยังกระตุ้นให้ทำงานได้อย่างราบรื่น และสัมฤทธ์ิผลมากขึ้นด้วย
สีน้ำเงินยังเป็นสีที่สื่อถึงความซื่อสัตย์จริงใจ และความน่าเชื่อถือ ธุรกิจจำนวนมากโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการให้บริการจึงมักใช้สีน้ำเงินเป็นส่วนหน่ึงของโลโก้ เพื่อให้ลูกค้าของตัวเองเช่ือใจการบริการของตัวเองมากขึ้น
นอกจากน้ีสีน้ำเงินยังเป็นสัญลักษณ์ของสติปัญญา ความฉลาด หลักแหลม และความสมบรูณ์แบบ ถึงอย่างนั้นสีน้ำเงินก็ส่งผลต่อจิตใจในด้านลบเช่นกัน คือ ทำให้อยากอาหารน้อยลง สร้างความรู้สึกน่าเบื่อ ดูธรรมดา ไม่สดใส ในกรณีนี้สีฟ้าอ่อน หรือสีฟ้าอมเขียวสามารถเข้ามาช่วยแก้ไขได้ และสุดท้ายสีน้ำเงินอาจทำให้เกิดความรู้สึกเศร้า อมทุกข์ สิ้นหวัง หรือ เปล่าเปลี่ยวใจได้
WHITE
PURITY, JUSTICE, PROTECTION
ไร้เดียงสา บริสุทธิ์ผุดผ่อง และความดีงาม น่าจะเป็นภาพจำหลัก ๆ ท่ีคนรู้สึกต่อสีขาว องค์กรหรือคณะท่ีเก่ียวข้องกับกฎหมาย และนิติศาสตร์ก็มักใช้สีขาวเพื่อสื่อถึงความยุติธรรม ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดยึดความถูกต้องเป็นหลัก
ขณะเดียวกันก็เป็นสัญลักษณ์ของความสะอาด ความสงบ การปกป้อง และการเยียวยา สีขาวจึงเป็นภาพแทนของโรงพยาบาลหรือใช้เป็นสียูนิฟอร์มของหมอ และพยาบาลที่ให้การรักษาผู้เจ็บป่วยต่าง ๆ นอกจากน้ีสีขาวยังสื่อถึงความเรียบง่าย สดใหม่ หลายแบรนด์จึงนำมาใช้ เพื่อนำเสนอตัวตนของแบรนด์ในแง่มุมดังกล่าวด้วยการผสมกับสีอื่น ๆ ให้เกิดการตัดกันของสี หรือจับคู่กับสีดำหรือสีเทาให้มีมิติมากข้ึน เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ สีขาวยังสร้างความรู้สึกโล่ง โปร่ง กว้างขวาง สบายตา แต่การใช้สีขาวล้วนเพียงอย่างเดียวก็ไม่เป็นผลดีเท่าไรนัก เพราะให้ความรู้สึกว่างเปล่า แข็งกระด้าง และน่าเบื่อ
GRAY
NEUTRAL
สีเทาไม่ได้เป็นสีท่ีโดดเด่นด้านการปลุกพลังงาน สร้างความ กระชุ่มกระชวย หรือเพิ่มความสดใส ออกจะเป็นสีที่ไม่ได้ให้อารมณ์ความรู้สึกใด ๆ เลยด้วยซ้ำ แต่ในแง่การออกแบบสีเทามีความสำคัญและความจำเป็น เพราะมีคุณลักษณะในการปรับสมดุล และสร้างมิติให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหากจับคู่กับสีขาวและสีดำ
สีเทายังเป็นสีท่ีสื่อความหมายถึงการอยู่ตรงกลาง ไม่เอนไปทางใดทางหน่ึงจนเกินไป ดังเช่นการใช้อธิบายว่ามนุษย์ไม่ได้ มีความเป็นสีขาวหรือสีดำล้วน แต่เป็นสีเทาท่ีเกิดจากการผสมผสานของ 2 ขั้วสีหรือความคิดนั่นเอง
GREEN
BALANCE, GROWTH, ENVY
แน่นอนว่าเห็นสีเขียวก็ย่อมนึกถึงต้นไม้ใบหญ้า และความเป็นธรรมชาติ สีเขียวจึงเป็นเหมือนผู้เยียวยาที่ปรับความรู้สึกให้สมดุล สงบ สดชื่น ผ่อนคลาย และมั่นคง เราจึงมักได้ยินคนพูดว่า หากทำงานจนรู้สึกสมองหรือสายตาล้า ให้ลองมองไปท่ีต้นไม้ใบเขียวเพื่อคลายความเหน็ดเหนื่อย
สีเขียวยังเป็นสัญลักษณ์ของการเจริญเติบโต และการเร่ิมต้นส่ิงใหม่ ๆ ส่วนสีเขียวเข้มสื่อถึงเงินตรา ความมั่งคั่ง โชคลาภ และเกียรติยศช่ือเสียง ซึ่งเทียบได้กับความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ และการกลับมาผลิดอกออกผลอีกคร้ังของเหล่าพืชผลต่าง ๆ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
นอกจากน้ีสีเขียวยังชวนให้นึกถึงการมีสุขภาพท่ีดี และการตระหนักถึงปัญหาส่ิงแวดล้อม แบรนด์สินค้า ร้านขายของ รวมถึงองค์กรต่าง ๆ จึงใช้สีเขียวเพื่อแสดงให้คนเห็นว่าผลิตภัณฑ์ของตัวเองดีต่อร่างกาย อีกท้ังแนวคิดการทำงาน และขั้นตอนการผลิตน้ันรักษ์โลกและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ในขณะเดียวกัน ด้านเชิงลบ บางครั้งสีเขียวก็ยังเป็นภาพสะท้อนของความอิจฉาริษยา และความละโมบได้อีกด้วย
PURPLE
NOBILITY, ARROGANCE, FANTASY
หรูหรามั่งคั่งผู้ดีชนชั้นสูง นี่แหละคือนิยามของสีม่วง บางคนเลือกใส่สีน้ีเพื่อเสริมลุค หรือบางแบรนด์ก็เลือกใช้สีนี้เพื่อสื่อถึงความพรีเมียมของสินค้าและบริการ แต่ก็เช่ือกันว่า อย่าใช้สีม่วงในปริมาณที่มากหรือโทนที่เข้มจนเกินไป เพราะอาจสร้างภาพลักษณ์ที่ดูเย่อหยิ่ง จนเกิดความรู้สึกหงุดหงิดได้
ในบางวัฒนธรรมสีม่วงอาจหมายถึงความตาย และการไว้อาลัยบางคนก็เชื่อว่า สีม่วงสื่อถึงความลึกลับ หรือเรื่องราวเหนือธรรมชาติ บ้างก็เช่ือว่าสีม่วงสื่อถึงโลกแฟนตาซีเหนือจริงท่ีหลายคนอยากจะหลบลี้หนีจากความเป็นจริงเข้าไปยังดินแดนแห่งนั้น สีม่วงจึงกลายเป็นภาพแทนของการใช้จินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ด้วย ในขณะเดียวกันสีนี้ก็แสดงถึงการมีปัญญาอันลึกซึ้ง และจิตวิญญาณอันละเอียดอ่อนเช่นกัน
Text : ARMIE P.
Art Director : ARPA P.
