ย้อนกลับไปในปี 2010 อาร์เอ็มเป็นเด็กฝึกคนแรกของ Big Hit Music ที่ต่อมาได้เดบิวต์เป็น BTS นั่นคือจุดเริ่มต้นสายสัมพันธ์ระหว่าง ‘บังชีฮยอก’ โปรดิวเซอร์และ BTS ที่ผูกโยงกันมานานกว่า 10 ปี และในจุดสูงสุดของอาชีพ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ศิลปินทั้งเจ็ดเลือกต่อสัญญากับค่ายเดิม นำไปสู่สิ่งที่บังพีดีเรียกว่า “ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดใน 20 ปีตั้งแต่ผมทำอาชีพนี้มา”
เหตุใด BTS จึงต่อสัญญากับค่ายเดิม แม้มีตัวเลือกมากมาย? LIPS พาไปย้อนหลังดูสายสัมพันธ์อันดีระหว่างบังชีฮยอกกับ BTS ที่นำไปสู่การร่วมงานกันข้ามทศวรรษ
“ผมพยายามให้ BTS เดบิวต์ได้ก่อนที่เราจะล้มละลาย”
ในตอนที่ 217 ของรายการ You Quiz on the Block พิธีกรยูแจซอกและโจเซโฮกล่าวว่า นิตยสารฟอร์บส์ของอเมริกาประเมินว่าบังชีฮยอกมีทรัพย์สินมูลค่าราวๆ 3.9 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 105 แสนล้านบาท พิธีกรทั้งสองกล่าวว่า “BTS ช่วยให้บริษัทคุณมาถึงจุดนี้ได้สินะครับ”
[Billboard เปิดเผยเศรษฐีหุ้นในอุตสาหกรรมดนตรีระดับโลกเมื่อ 26 กันยายน 2023 ปรากฏว่า บังชีฮยอก ประธานบริษัท HYBE มั่งคั่งเป็นอันดับ 3 ตามหลังแดเนียล เอ็กและมาร์ติน ลอเรนต์ซัน สองผู้ก่อตั้ง Spotify นั่นแปลได้ว่า บังพีดีรวยที่สุดในวงการดนตรีเกาหลีใต้]
บังพีดี (โปรดิวเซอร์บัง) ตอบว่า “ใช่ครับ พูดอย่างสัตย์จริง ผมไม่คิดว่า BTS จะยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้ ก่อนที่ BTS จะเดบิวต์ บริษัทเรามีหนี้มากกว่า 10,000 ล้านวอน (ประมาณ 271 ล้านบาท) เรียกว่าหนี้ท่วมหัวเลย เราเกือบจะปิดตัวด้วยซ้ำ แต่ผมพยายามให้ BTS ได้เดบิวต์ก่อนที่เราจะล้มละลาย
“หลังจากนั้น อัลบัม ‘The Most Beautiful Moment in Life: Part 1’ (Hwa Yang Yeon Hwa : HYYH มินิอัลบัมในปี 2015) ได้รับความรักมากมาย เป็นตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกว่า BTS น่าจะประสบความสำเร็จได้ ต่อจากนั้นไม่นานซิงเกิล FIRE (ปี 2016) ก็ดังไฟลุกสมชื่อเพลงจริงๆ
หลังความสำเร็จของ FIRE ผมเพียงปล่อยให้ศรัทธานำเราไปสู่จุดที่เราต้องไปอยู่ บางคนอาจบอกว่าผมเป็นคนทำสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้นกับ BTS แต่นั่นดูเป็นคำพูดที่เกินไปหน่อย มันเป็นเรื่องผิดหากผมจะคิดและพูดเช่นนั้น”
บังพีดีกล่าวถึงคำพูดของ BTS ที่ทำให้เขากระโดดโลดเต้นไปถึง 2 สัปดาห์ว่า “มีค่ายเพลงมากมายที่ศิลปินดังระดับโลกอย่าง BTS จะเซ็นสัญญาด้วยได้ แต่พวกเขาเลือกจะอยู่กับเรา ยอดเยี่ยมไปเลยใช่ไหมล่ะ นั่นพิสูจน์ให้เห็นว่าเราทำหน้าที่ได้ดีในฐานะที่เป็นต้นสังกัด…ตอนที่เมมเบอร์ของ BTS มาหาและบอกผมว่า ‘ฮยอง (พี่ชาย) พวกเราเชื่อในตัวฮยอง เรามาพยายามไปด้วยกันอีกครั้งเถอะ’ สองสัปดาห์หลังจากได้ยินคำพูดประโยคนั้น ผมกระโดดโลดเต้นไปทั่วอย่างลิงโลดใจ ผมทำค่ายเพลงมา 20 ปีแล้ว และสองสัปดาห์นั้นคือสัปดาห์ที่มีความสุขที่สุดในชีวิตตั้งแต่ผมทำอาชีพนี้มา…วันที่คนเราไม่ต้องเครียดมันเป็นแบบนี้เอง”
BTS เดบิวต์เมื่อ 13 มิถุนายน ปี 2013 โดยต่อสัญญาครั้งแรกกับ HYBE ในปี 2018 ก่อนจะต่อสัญญาอีกครั้งเมื่อ 20 กันยายน 2023 โดยมีการประเมินว่า เมมเบอร์แต่ละคนได้รับเงินดาวน์สำหรับการต่อสัญญาครั้งนี้คนละ 21,000 ล้านวอน (ประมาณ 570 ล้านบาท)
บังพีดียังให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ด้วยว่า “HYYH (2015) เป็นซีรีส์อัลบัมที่สำคัญมากๆสำหรับ BTS…หลายคนคงเดาได้อยู่แล้ว แต่นี่จะเป็นครั้งแรกที่ผมพูดออกสื่อว่าจะมีโปรเจกต์ครบรอบ 10 ปีของ HYYH” ซึ่งนั่นหมายถึงปี 2025 เมื่อเมมเบอร์ทั้งเจ็ดหมดภาระการเกณฑ์ทหารแล้ว และจะกลับมารวมตัวกันพร้อมหน้าในปี 2025
บังพีดีร้องไห้เมื่อเพลง Dynamite ขึ้นอันดับ 1 Billboard Hot 100 สองสัปดาห์ซ้อน
การดูแลจัดการศิลปินที่ดีเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ศิลปินอยู่กับสังกัดเดิมต่อไป และในเคสของ BTS แล้ว บังพีดีแทบจะเป็นเมมเบอร์คนที่ 8 ที่แบ่งปันทุกข์สุขกับวง
ดังเช่นในปี 2020 เมื่อซิงเกิล Dynamite ขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ตเพลง Billboard Hot 100 ได้ 2 สัปดาห์ซ้อน BTS รับรู้ข่าวดีนี้ขณะถ่ายรายการ The Tonight Show Starring Jimmy Fallon ที่พระราชวังกยอนบก คนแรกที่พวกเขาโทรหาก็คือบังพีดีที่ตะโกนโหวกเหวกมาตามสายจนฟังไม่ได้ศัพท์
“ฉันว่าพี่เขาร้องไห้แน่ะ” ชูก้ากล่าวแบบตกใจนิดๆ
“ถ่ายเซลฟีตอนร้องไห้ส่งมาให้พวกเราดูหน่อย” จินหยอกท่านประธานบริษัท
“ประวัติศาสตร์ต้องจารึก ประธานค่ายโทรมาร้องไห้กับศิลปิน” จีมินหัวเราะเอ็นดูสุด
“ฉันรักพวกนายนะ” บังพีดีบอก
“บังทันก็รักพี่ชีฮยอกเหมือนกัน!” วีตะโกนบอกรักสุดเสียง
“ขอบใจที่อยู่เคียงข้างฉันเสมอมา…และอนุญาตให้ฉันได้ฝัน”
ในปี 2016 เมมเบอร์ทั้งเจ็ดไปถ่ายรายการเที่ยวไปพักไป BTS: Bon Voyage ที่เมืองแบร์เกน ประเทศนอร์เวย์ ทีมงานทำเซอร์ไพรส์ยื่นจดหมายของบังชีฮยอกให้ทั้งเจ็ดได้อ่าน ซึ่งเนื้อความในนั้นราวกับบังพีดีเห็นอนาคตว่า BTS จะมาไกลเบอร์นี้ได้ และยังสะท้อนความรัก ความเชื่อมั่นที่มีให้กันเสมอ
เมื่อแรกที่ฉันได้เจอพวกเธอ ทุกคนยังเด็กอยู่มาก ฉันได้เจอเธอแต่ละคนในช่วงเวลาแตกต่างกัน แต่ทุกคนต่างหวาดกลัวอะไรบางอย่าง ไม่มีใครรู้ว่าจะรับมือกับฉันยังไงดี พวกเธอไม่แม้แต่จะกล้าสบตาฉัน และฉันเองก็เข้มงวดกับพวกเธอมาก เป็นเพราะฉันมันโลภและมีมาตรฐานสูง ฉันทำให้พวกเธอต้องลำบาก คอยแต่จะทดสอบขีดจำกัด คอยแต่จะถามว่าทำไมพวกเธอไม่เชื่อในตัวเอง…และเมื่อฉันผลักดันให้พวกเธอขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงและไม่มีใครรู้จักมาก่อน พวกเธอก็คงจะเหนื่อยล้าเหลือเกินแล้ว
แต่พวกเธอไม่เคยทำให้ฉันผิดหวัง พวกเธอหาทางจนเจอและไปไกลเกินกว่าที่ฉันคาดหวังไว้ พวกเธอทะยานขึ้นไปสูงเกินกว่าที่ฉันจะจินตนาการได้ และ ณ จุดหนึ่ง ฉันตระหนักว่าความกลัวที่พวกเธอมีก็คือความดิ้นรนอย่างสิ้นหวังของพวกเธอนั่นเอง ความกลัวนั้นทำให้พวกเธอฝึกฝนจนดึกดื่นและทลายขีดจำกัดของตัวเอง
ตอนนี้ฉันสามารถจะถอยออกมาเฝ้าดูพวกเธอเดินหน้าต่อไปได้แล้ว…ตอนนี้ไม่มีเหตุผลใดที่ฉันต้องกำกับให้พวกเธอไปถึงจุดนั้นจุดนี้ พวกเธอพบเจอเส้นทางของตนเองแล้ว ด้วยตัวของพวกเธอเอง พวกเธอกำลังไปในที่ที่ฉันไม่กล้าฝันถึง แต่ฉันจะยังไม่ขอบใจและไม่พูดออกมาหรอกนะว่าฉันภูมิใจแค่ไหน ฉันเป็นคนทะเยอทะยาน สักวันหนึ่ง เมื่อพวกเธอกลายเป็นศิลปินที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกได้แล้ว บางทีอาจอีกสัก 1 ปี…หรือ 3 ปีนับจากวันนี้ แล้วฉันจะบอกให้พวกเธอรู้ ฉันจะสบตาและพูดกับพวกเธอด้วยตัวฉันเอง – ว่าฉันขอบใจที่พวกเธออยู่เคียงข้างฉันเสมอมา พาให้ฉันมาอยู่จุดนี้ และอนุญาตให้ฉันได้ฝัน”
ไม่แปลกใจเลยที่ BTS จะอยู่กับ ‘ฮยอง’ ของพวกเขาต่อไป
Words: Suphakdipa Poolsap
ข้อมูลจาก:
