เกิดอะไรขึ้นเมื่อแฮชแท็ก #YouAreLovedBamBam ขึ้นอันดับเทรนด์โลก ชื่อ BamBam ติดอันดับ 11 เทรนด์โลก ขึ้นเทรนด์ 4 ประเทศ เป็นเทรนด์อันดับ 7 ในสิงคโปร์ อันดับ 16 ในมาเลเซีย อันดับ 39 ที่อินโดนีเซีย อันดับ 37 ในฟิลิปปินส์ และยืน 1 เทรนด์ไทย โดยที่แบมแบมไม่ได้มีเพลงใหม่ ไม่ได้ไปแฟชั่นวีค แต่คำพูดอะไรของเขาเป็นต้นเหตุของแฮชแท็กระดับโลกนี้ LIPS จะเล่าให้ฟัง
เรื่องของเรื่องคือ แบมแบมได้ระบายความในใจออกมายาวเหยียด ผ่านแอปพลิเคชัน Fromm เกี่ยวกับการที่ยังโดนวิพากษ์วิจารณ์ไม่เลิก “หรือผมเองที่เป็นปัญหา?” ความคิดนี้วาบเข้ามาในหัวไม่หยุด ถึงกับทำให้เขามีความคิดที่จะเลิกทำคอนเทนต์เกี่ยวกับศิลปินคนอื่น เพราะไม่รู้ว่าควรต้องทำตัวอย่างไรกันแน่ แม้จะเพิกเฉยกับคำวิจารณ์เหล่านั้น แต่สุดท้ายเขาก็ยังต้องเป็นทุกข์มากมายอยู่ดี… สามารถอ่านข้อความฉบับเต็มได้ที่แอปพลิเคชั่น Fromm (Download ได้ที่ App Store, Google Play)
เหตุเกิดมาจาก Bam House รายการทางช่องยูทูบที่แบมแบมเปิดบ้านชวนเพื่อนพี่น้องศิลปินมากินส้มตำหรืออาหารอื่นๆ เคล้าบทสนทนาแบบเปิดใจคุยกันในเรื่องที่แบมแบมสงสัยใคร่รู้ เพื่อจะทำความรู้จักตัวตนและความคิดของแขกรับเชิญอย่างแท้จริง รวมทั้งก็เปิดใจพูดความคิดของตัวเองออกมาอย่างจริงใจด้วย เป็นต้นว่า…
เจสซี บอกว่าอยากคุยกับแบมแบมมานานแล้ว เพราะเข้าใจหัวอกคนต่างชาติที่ต้องขยันและพิสูจน์ตัวเองในประเทศอื่นที่ไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอน
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
เมื่อเจสซี่บุกบ้าน Bam House เปิดโลกแบมแบมตั้งแต่เรื่องฝากไข่ จนถึงสเปกคนที่ชอบ
แบมแบมเชิญ พักจินยอง อดีตนายของเขาที่ JYP และถามคำถามที่ไม่เคยถามลุงผักมาก่อนว่า “ความรู้สึกแรกที่มีต่อผมเป็นยังไงหรือครับ” ลุงผักตอบว่า “ตอนแรกคิดว่าเป็นคนขี้เกียจ ชอบเลี่ยงงาน แต่พอได้รู้จักจริงๆ เธอเป็นตรงข้ามกับที่คิดเลย”
แบมแบมชวน มินนี่ (G)I-DLE มากินข้าวอร่อยชิลๆกันที่บ้าน และมินนี่ก็ซื้ออาหารไทยมาเพียบ ทั้งทอดมันกุ้ง คอหมูย่าง ขาหมู และต้มยำกุ้งเพราะว่าหิวมาก พอแบมแบมบอกให้โปรโมตเพลงใหม่ และมินนี่บอกว่าไว้ตอนท้ายก็ได้ แบมแบมเตือนน้ำเสียงจริงจังว่า “พูดตอนต้นคลิปดีกว่า เพราะหลายคนอาจจะดูไม่จบคลิปก็ได้นะ”
หนิงหนิง aespa บอกว่าอยากเป็นคนที่พัฒนาไปเรื่อยๆ ไม่ใช่คนที่ทำผิดพลาดซ้ำเดิมไปเป็นสิบปี เพราะไม่เคยย้อนมองตัวเองและได้แต่ทำผิดพลาดซ้ำซาก แบมแบมเห็นด้วยและเสริมว่า ถ้าคนเราไม่เปลี่ยนแปลงอะไร 10 ปีแปลว่าต้องมีอะไรผิดแล้วละ และการทำผิดพลาดในเรื่องเดิมนั้นทำได้แค่ 2 ครั้ง คนเราไม่ควรทำผิดซ้ำเรื่องเดิมเป็นครั้งที่ 3
ซานดารา กับแบมแบมปรับทุกข์กันเรื่องพอเมมเบอร์กระจายตัวกันอยู่ต่างค่าย ก็รวมตัวกันยาก แต่ GOT7 ก็พยายาม ตัวตั้งตัวตีคือลีดเดอร์เจบีที่ไปคุยเรื่องการใช้ชื่อวง GOT7 เหมือนเดิม ส่วนมักเน่แบมแบมดูแลเรื่องแท่งไฟอากาบอง นอกจากนี้แฟนๆก็ย้ายด้อมไปชอบวงอื่น เวลาขึ้นคอนเสิร์ตเดี่ยวกับไปเต็มวง เอนเนอร์จีและพลังที่ส่งมาต่างกันมาก
แบมแบมคุยกับศิลปินรุ่นน้องที่อายุมากกว่า เตนล์ WayV ที่สนิทกันมาก และแชร์ภาพลักษณ์เดียวกันเวลาคนอื่นนึกถึงพวกเขาคือ ‘ความติสต์’
เป็นครั้งแรกที่แบมแบมจากเจน 3 ได้นั่งคุยกับ ยอนจุน TXT ซึ่งตอบคำถามของแบมแบมที่ว่ารู้สึกอย่างไรที่เป็นไอดอลเจน 4 ว่า “ยาก เพราะดูเหมือนว่าบอยกรุ๊ปจะได้รับความสนใจน้อยกว่า” นอกจากนี้เพลงที่ขึ้นชาร์ตส่วนใหญ่ในยุคนี้ก็เป็นเพลงของเกิร์ลกรุ๊ป แบมแบมให้กำลังใจว่าบอยกรุ๊ปก็ขยันและทำงานหนักไม่แพ้กัน “ได้โปรดสนับสนุนบอยกรุ๊ปกันด้วยนะครับ”
แต่ก็เป็นดังที่แบมแบมกล่าวไว้ว่า ความจริงใจของตนกลับโดนวิพากษ์วิจารณ์ จึงได้ทวีตข้อความเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนว่าช่วงนี้ขอออฟไลน์แป๊บ…และเหล่าอากาเซ่ทั่วโลกได้ระดมส่งความรักให้แบมแบมผ่านแฮชแท็ก #YouAreLovedBamBam จนขึ้นเทรนด์ในหลายประเทศ
ตัวอย่างคอมเมนต์ของอากาเซ่ที่ให้กำลังใจแบมแบม เป็นต้นว่า
“โพสต์นี้อยากให้กำลังใจน้องแบมและทีมงานค่ะ การที่รายการถูกตัดสินโดยคนที่ดูคลิปแค่บางส่วนมันไม่ยุติธรรมเลยค่ะ ในฐานะแบมบู ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ”
“ถ้าน้องแบมรักรายการนี้ก็ทำไปเลย อย่าแตกสลายเพราะคนอื่นเลยนะครับ”
“เราคือคนที่ดูรายการตั้งแต่ต้นจนจบ ครบทุกตอน เราเห็นคุณค่าในสิ่งที่พวกคุณพยายามทำนะคะ ขอบคุณมากจริง ๆ ค่ะแบมจิบเป็นวาไรตี้ช่องยูทูบที่ประสบความสำเร็จมากนะ คาแรกเตอร์ของรายการฟีลแบบเพื่อนมานั่งคุยกันในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ไม่ใช่ไอดอล น้องตั้งใจทำให้สังคมรู้ว่า ไอดอลชายหญิงเป็นเพื่อนกันได้ ทุกคนที่มาก็สบายใจ”
และด้วยความรักที่มีต่อแบมแบม ช่องยูทูบรายการ Bam House มียอดซับเพิ่มขึ้นนับหมื่นภายใน 2 วันจนไปแตะ 461K แล้ว
จุดนี้นึกถึงแฟนคลับของ โยซอบ วง Highlight ที่เคยไลฟ์ปลอบประโลมศิลปินว่า
“ถ้าโลกหันหลังให้พี่ เราก็จะหันหลังให้พี่ด้วย พี่พิงหลังเราได้นะ เราแข็งแรงพอจะให้พี่พิง”
หรือเอลฟ์ แฟนด้อมของ Super Junior ที่บอก ฮีชอล จนเจ้าตัวน้ำตาซึมว่า “ขอให้ความรักของพวกเราเป็นความรักที่เล็กน้อยที่สุดที่พี่จะได้รับ” (เพราะอยากให้ศิลปินได้รับความรักมากมายกว่านี้อีก)
เหตุการณ์นี้ชวนให้นึกถึง ‘โรเบิร์ต ซาโพลสกี’ นักชีววิทยา ที่ได้จนบันทึกการเฝ้าสังเกตตัววิลเดอบีสต์ ซึ่งเป็นสัตว์ฝูงที่หน้าตาเหมือนๆกันไปหมด จนนักชีววิทยางงว่าจับสังเกตตัวไหนอยู่นะ แต่เพื่อจะสรุปพฤติกรรมของเจ้าสัตว์ชนิดนี้ให้ได้ จึงปิ๊งไอเดียเอาสีแดงไปแต้มสะโพกของวิลเดอบีสต์ตัวหนึ่ง ทีนี้ละก็จะล็อกเป้าได้แล้วว่าต้องจับสังเกตตัวไหน
ทว่า แก๊งสิงโตนักล่าก็ล็อกเป้าเจ้าเหยื่อผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่นี้ได้เช่นกัน ก่อนหน้านี้พวกสิงโตเองก็ไล่กวดไม่ถูก ไม่รู้ว่าวิลเดอบีสต์ตัวไหนเป็นตัวไหน มันต้องเล็งไปที่ตัวใดตัวหนึ่งแล้วรุมไล่กวดจนเหยื่อเหนื่อยไปเอง แต่โดยมากก็มักจะเป็นวิลเดอบีสต์ตัวเล็ก แก่ หรือป่วย แต่คราวนี้นักล่ามีเป้าให้มองแล้ว และวิลเดอบีสต์ที่มีจุดแดงบนสะโพกก็กลายเป็นอาหารของสิงโตไปต่อหน้าต่อตากลุ่มนักชีววิทยาที่ตกตะลึงถึงผลลัพธ์เกินคาดนี้
เรื่องราวนี้สอนให้รู้ว่า “เมื่อตัวคุณเด่นขึ้นมา สิงโตจะขย้ำคุณ” ในหลายวัฒนธรรมก็มีคติสอนใจทำนองนี้ เช่น ในภาษาอังกฤษมีคำพูดที่ว่า “ดอกป๊อปปี้ที่โตสูงกว่าดอกอื่นๆ คือดอกแรกที่จะถูกเคียวเกี่ยวหัวออก” หรือในวัฒนธรรมญี่ปุ่นก็มีคำกล่าวว่า “ตะปูที่ยื่นออกมาเหนือตัวอื่นคือตัวแรกที่จะโดนค้อนทุบ” และในภาษาไทยเองก็มีคำกล่าวที่ว่า “อย่าทำตัวเด่นจะเป็นภัย ไม่มีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน”
แบมแบมหรือใครก็ตามเจอกับสัจธรรมของธรรมชาติ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดแผกของศิลปินหรือใครก็ตามอีกเช่นกันที่ปฏิเสธจะกลืนกลายเป็นเหมือนๆกับคนอื่น แม้จะต้องเผชิญกับสิงโตที่รอขย้ำ ค้อนที่เล็งจะทุบหัว หรือเคียวที่เตรียมเงื้อง่าลงมา
เพราะพวกเขาได้เลือกแล้วที่จะเป็นตัวของตัวเอง
Words: Suphakdipa Poolsap
ข้อมูลจาก:
- twitter.com
- กฎเหนือกฎเพื่อชีวิตที่มีความหมาย Beyond Order: 12 More Rules For Life ผู้เขียน: จอร์แดน บี ปีเตอร์สัน